Dennis Keeley เป็นหัวหน้าหน่วยดับเพลิงดับลินในไอร์แลนด์ เล่าว่าหน่วยดับเพลิงเมือง Dublin ได้จัดเก็บข้อมูลบันทึกการโทรแจ้งเหตุฉุกเฉินเข้ามาในศูนย์ควบคุมของเขามาอย่างยาวนาน ซึ่งเขามองว่าการจัดเก็บกระดาษเป็นสิ่งที่ยุ่งยากลำบากในการจัดการเหตุฉุกเฉินมาเป็นเวลานาน เขาจึงเริ่มแผนโครงการ “Digital Twin for Emergency Response” การดับเพลิงงที่มีประสิทธิภาพกับข้อมูลที่ซับซ้อนขึ้นมา ทำให้ซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์มีการพัฒนาจนถึงจุดที่เป็นมิตรกับนักดับเพลิงอย่างแท้จริง
หน่วยดับเพลิงซึ่งรับผิดชอบด้านความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัย 1.5 ล้านคนทั่วทั้งเขตดับลิน กำลังนำ iTwin Experience ของ Bentley Systems มาใช้ในการพัฒนาระบบ digital twin บน cloud-based ของภูมิทัศน์ในเมือง แพลตฟอร์มนี้สามารถผสานรวมข้อมูลที่หลากหลาย เช่น ผังอาคาร ภาพจากโดรน ข้อมูลที่ป้อนจากเซ็นเซอร์ ตำแหน่งหัวดับเพลิง และอื่นๆ อีกมากมาย ไว้ในอินเทอร์เฟซเดียวที่ใช้งานง่าย ทำให้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเข้าถึงข้อมูลสำคัญได้ทันที
แนวคิดโครงการ Digital Twin for Emergency Response เกิดขึ้นจากความร่วมมือในปี 2019 ระหว่าง Bentley Systems และสภาเมือง Dublin ในขณะนั้น ทีม Smart City ของสภากำลังทดสอบเทคนิคการสร้างแบบจำลองเมืองรุ่นต่อไปและเครื่องมือสร้างภาพในพื้นที่ท่าเรือของเมือง ในงาน Internal Innovation Networking สมาชิกทีม Organizational Intelligence Unit ของหน่วยดับเพลิงคนหนึ่งมองเห็นโอกาสในการนำเครื่องมือเหล่านี้ไปใช้ในการวางแผนก่อนเกิดเหตุ การทดลองและการทำงานร่วมกันดังกล่าวเป็นส่วนพื้นฐานของ Smart Dublin ซึ่งเป็นโครงการระดับภูมิภาคที่เปิดตัวในปี 2016 โดยหน่วยงานท้องถิ่นในเมือง Dublin เพื่อนำผู้ให้บริการเทคโนโลยี นักวิจัย และประชาชนมารวมกันเพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงบริการสาธารณะ
การวางแผนดับเพลิงก่อนเกิดเหตุการณ์นั้นอาศัยระบบ paper-based มาเป็นเวลานาน อาคารสำคัญและสถานที่เสี่ยงภัยสูง เช่น โรงงานเคมีหรือโรงพยาบาล จำเป็นต้องมีแผนก่อนเกิดเหตุการณ์โดยละเอียดและเป็นปัจจุบัน แต่แผนเหล่านี้มักต้องใช้แรงงานจำนวนมากในการสร้างและล้าสมัยอย่างรวดเร็ว ยิ่งไปกว่านั้นการเข้าถึงข้อมูลดังกล่าวในกรณีฉุกเฉินต้องคัดกรองโฟลเดอร์และไฟล์ทางกายภาพ ซึ่งเป็นกระบวนการที่ช้าและไม่เหมาะกับสถานการณ์
Digital Twin for Emergency Response หรือที่เรียกว่า DTER มีเป้าหมายเพื่อลดเวลาในการวางแผนดับเพลิงก่อนเกิดเหตุการณ์
Digital Twin for Emergency Response หรือที่เรียกอีกอย่างว่า DTER อาจช่วยเปลี่ยนแปลงกระบวนการนี้ได้ โดยคาดว่าระบบนี้จะช่วยลดเวลาที่จำเป็นในการวางแผนก่อนเกิดเหตุจากประมาณ 7,500 ชั่วโมงเหลือเพียง 1,500 ชั่วโมงสำหรับพื้นที่เสี่ยงภัยสูง 3,000 แห่งในดับลิน นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ที่ได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับระบบยังสามารถเรียกค้นข้อมูลสำคัญได้ภายในเวลาเพียง 12 วินาที ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญเมื่อทุกวินาทีมีค่า
“เมื่อรถดับเพลิงมาถึง เจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลาในการประเมินความเสี่ยงที่มองเห็นได้ สำหรับเหตุการณ์ที่ซับซ้อนหรือมีขนาดใหญ่ อาจต้องใช้เวลาในการรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง” Rob Howell จากหน่วยข่าวกรององค์กรของหน่วยดับเพลิงดับลินกล่าว “ด้วย Digital twin เจ้าหน้าที่จะสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ทันทีเกี่ยวกับสิ่งที่อยู่ภายใน ด้านหลัง และรอบๆ อาคาร รวมถึงอันตรายที่ซ่อนอยู่ ทำให้การตัดสินใจมีประสิทธิภาพมากขึ้นและเพิ่มความปลอดภัย”
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงยังสามารถเปิดและปิดชั้นข้อมูลได้ตามลักษณะของเหตุการณ์ เช่น เน้นที่ผังอาคาร การจัดเก็บวัสดุอันตราย หรือจุดปิดระบบสาธารณูปโภค การควบคุมเพิ่มเติมนี้ช่วยให้มั่นใจได้ว่าเจ้าหน้าที่ดับเพลิงจะเห็นเฉพาะข้อมูลที่เกี่ยวข้องที่สุดในสถานการณ์ที่มีแรงกดดันสูง
ไซต์ทดสอบแห่งแรกๆ ของ DTER คือไซต์อุตสาหกรรม ซึ่งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงของ Dublin ร่วมมือกับ Bentley และเจ้าของไซต์เพื่อสร้างโมเดล 3D digital ที่มีความเที่ยงตรงสูง พวกเขาผสานภาพถ่ายจากโดรนและข้อมูลเซ็นเซอร์ที่บริษัทแบ่งปันซึ่งรวมถึงปริมาณของสารอันตรายที่จัดเก็บไว้ และสาธิตให้เห็นว่า digital twin สามารถสร้างแบบจำลองสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยงสูงได้อย่างแม่นยำอย่างไร
ที่ Smart DCU, Insight Centre for Data Analytics (Insight) นักวิจัยกำลังนำ digital twin ของดับลินไปใช้กับเอ็นจิ้นเกมโดยใช้ Google 3D Tiles เพื่อสร้างประสบการณ์เสมือนจริงที่มีความแม่นยำสูงด้วยการฝึกอบรมนักดับเพลิงในสภาพแวดล้อมที่มีควันจริง เปลวไฟจริง และอันตรายจริง ด้วย digital twins, VR (virtual reality) ทำให้พวกเขาคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมอันตรายได้อย่างปลอดภัย" (Google 3D Tiles มีพื้นฐานมาจากมาตรฐานเปิด 3D Tiles สำหรับการสตรีมและเรนเดอร์ข้อมูลภูมิสารสนเทศที่พัฒนาโดย Cesium ซึ่งเป็นบริษัทที่ถูก Bentley เข้าซื้อกิจการในปี 2024)
สำหรับ Smart DCU ช่วยให้ได้รับข้อมูลเชิงลึกโดยตรงเกี่ยวกับความท้าทายและข้อกำหนดในทางปฏิบัติของหน่วยดับเพลิง ซึ่งจะถูกนำไปใช้ทั่วทั้งเมืองและหน่วยดับเพลิง ตั้งแต่การทดลองใช้ในมหาวิทยาลัยที่ Smart DCU ไปจนถึงเครื่องมือขั้นสูงของ iTwin ของ Bentley DTER ถือเป็นก้าวสำคัญสู่การตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉินที่ปลอดภัยกว่า ฉลาดกว่า และรวดเร็วกว่าสำหรับ Dublin นอกจากนี้ยังสามารถใช้เป็นแบบจำลองสำหรับเมืองอัจฉริยะอื่นๆ ได้อีกด้วย เมื่อโครงการนี้ใกล้จะนำไปปฏิบัติจริง ก็มีแนวโน้มว่าจะช่วยประหยัดเวลาที่สำคัญและเพิ่มความปลอดภัยให้กับทั้งนักดับเพลิงและชุมชนที่พวกเขาให้บริการ